Transbymatt – ปารีสในที่นี้อาจจะหมายถึงสถานที่นัดสังสรรค์และซื้อยาเสพติดค่ะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
She said 'hello', she was letting me know
เธอพูดว่า 'หวัดดี' เพื่อให้ผมรู้สึกตัว
We share friends in Soho
เราเป็นเพื่อนกันสมัยยังอยู่ที่ Soho
( Soho เป็นสวรรค์ของผู้เสพโคเคน ฝ่ายหญิงเริ่มทำความรู้จักกับแมตตี้อีกครั้ง
และนี่คือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขา ซึ่งผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นตัวปัญหา
สำหรับแมตตี้ในอนาคตได้ )
และนี่คือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขา ซึ่งผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นตัวปัญหา
สำหรับแมตตี้ในอนาคตได้ )
She's a pain in the nose
เธอมันน่ารำคาญนักนะ
เธอมันน่ารำคาญนักนะ
And I'm a pain in women's clothes
แต่ว่าไม่ได้เพราะผมก็แสบใช่ย่อยเหมือนกัน
แต่ว่าไม่ได้เพราะผมก็แสบใช่ย่อยเหมือนกัน
"And you're a walking overdose in a great coat"
"คุณใส่ชุดสวยดีนะแต่ดูเมาไปหน่อย"
"คุณใส่ชุดสวยดีนะแต่ดูเมาไปหน่อย"
( pain in the nose เป็นสำนวนที่มีความหมายเดียวกันกับสำนวน
“pain in the ass - สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญใจ”
แมตตี้กำลังจะสื่อให้พวกเราเห็นว่าผู้หญิงขี้ยาคนนี้ทำตัวน่ารำคาญขนาดไหน
I'm a pain in women's clothes ไลน์นี้แมตตี้บอกกับพวกเราว่าเขาเองก็ไม่ต่าง
จากผู้หญิงคนนั้นสักเท่าไหร่ ซึ่งผู้หญิงตรงหน้าเขาดูสวยมากในชุดหรูหราแต่
การเสพยาของเธอทำให้เธอดูราคาถูก(ดูเป็นเคอรี่)ในสายตาของเขา )
“pain in the ass - สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญใจ”
แมตตี้กำลังจะสื่อให้พวกเราเห็นว่าผู้หญิงขี้ยาคนนี้ทำตัวน่ารำคาญขนาดไหน
I'm a pain in women's clothes ไลน์นี้แมตตี้บอกกับพวกเราว่าเขาเองก็ไม่ต่าง
จากผู้หญิงคนนั้นสักเท่าไหร่ ซึ่งผู้หญิงตรงหน้าเขาดูสวยมากในชุดหรูหราแต่
การเสพยาของเธอทำให้เธอดูราคาถูก(ดูเป็นเคอรี่)ในสายตาของเขา )
And so she wrote a plan for it on the back of a fag packet
แล้วเธอก็เริ่มเขียนแผนที่ลงบนด้านหลังของซองบุหรี่
แล้วเธอก็เริ่มเขียนแผนที่ลงบนด้านหลังของซองบุหรี่
( เธอเขียนเส้นทางของสถานที่แห่งหนึ่งเอาไว้ให้แมตตี้
ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า "มันเป็นสถานที่หนึ่งในปารีส
ที่เธอได้เขียนเอาไว้ให้ผมที่ด้านหลังของซองบุหรี่"
สถานที่นี้น่าจะเป็นแหล่งสำหรับซื้อขายโคเคนค่ะ )
ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า "มันเป็นสถานที่หนึ่งในปารีส
ที่เธอได้เขียนเอาไว้ให้ผมที่ด้านหลังของซองบุหรี่"
สถานที่นี้น่าจะเป็นแหล่งสำหรับซื้อขายโคเคนค่ะ )
She had to leave because she couldn't hack it
เธอต้องรีบไปเพราะเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
เธอต้องรีบไปเพราะเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
Not enough noise and too much racket
เสียงรอบข้างแม่งดังจนน่ารำคาญไปหมด
เสียงรอบข้างแม่งดังจนน่ารำคาญไปหมด
( อันที่จริงแล้วคำว่า too much racket คือการที่คุณส่งเสียงหรือทำเสียงดังจนน่ารำคาญ
แต่แมตตี้ใช้คำว่า Racket แทนการใช้โคเคนค่ะ เพราะเธอกดความรู้สึกในการอยากเสพโคเคนไม่ได้
เธอจึงต้องรีบไปยังสถานที่แห่งนั้น*ที่เขียนแผนที่ให้เขา* อีกนัยหนึ่งที่แมตตี้ต้องการจะสื่อคือ
แมตตี้เคยให้สัมภาษณ์กับ NME ว่าชาวอเมริกันเข้าใจผิดเรื่องเพลงของเขาเป็นอย่างมาก
เพราะ “Not enough noise and too much racket” เขากำลังสื่อถึงการใช้ยาเสพติดต่างหาก
ซึ่งเพลงนี้ยังสามารถโยงไปยังเพลง "She's American" ได้ด้วยเพราะเพลงนั้นก็คือผู้หญฺิง
คนเดียวกันกับเพลงนี้ค่ะ )
"I think I've spent all my money and your friends"
"ผมคิดว่าผมจ่ายเงินให้เพื่อนๆของคุณไปหมดแล้วนะ"
( ในปารีสโคเคนแพงมากค่ะ ไลน์นี้แมตตี้กำลังจะบอกว่า
เขาต้องทุ่มเงินทั้งหมดเพื่อให้ได้โคเคนนั้นมาครอบครอง
รวมถึงต้องจ่ายให้ผู้หญิงคนนั้นและเพื่อนของเธอด้วย )
( ในปารีสโคเคนแพงมากค่ะ ไลน์นี้แมตตี้กำลังจะบอกว่า
เขาต้องทุ่มเงินทั้งหมดเพื่อให้ได้โคเคนนั้นมาครอบครอง
รวมถึงต้องจ่ายให้ผู้หญิงคนนั้นและเพื่อนของเธอด้วย )
Oh, how I'd love to go to Paris again
โอ้ ผมล่ะอยากจะไปปารีสอีกจังเลย
Oh, how I'd love to go to Paris again
โอ้ ผมอยากกลับไปที่ปารีสอีกสักครั้ง
( แมตตี้เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า "ปารีส เป็นสถานที่โรแมนติกที่เขาฝันเอาไว้ว่า
อยากไปที่นั่นกับแฟนสักครั้ง แต่วันนั้นก็ไม่เคยมาถึงเลย เพราะพวกเขามักจะจบ
ความสัมพันธ์นั้นลงไปก่อนแล้ว สถานที่นี้จึงเป็นสถานที่ในฝันของเขานั่นเอง"
แต่ปารีสในเพลงเป็นอีกความหมายหนึ่ง นั่นก็คือแมตตี้อยากจะกลับไปเสพโคเคนอีกครั้ง )
อยากไปที่นั่นกับแฟนสักครั้ง แต่วันนั้นก็ไม่เคยมาถึงเลย เพราะพวกเขามักจะจบ
ความสัมพันธ์นั้นลงไปก่อนแล้ว สถานที่นี้จึงเป็นสถานที่ในฝันของเขานั่นเอง"
แต่ปารีสในเพลงเป็นอีกความหมายหนึ่ง นั่นก็คือแมตตี้อยากจะกลับไปเสพโคเคนอีกครั้ง )
Mr. Serotonin Man, lend me a gram
Mr. Serotonin Man ผมขอเพิ่มอีกสักกรัมนะ
You call yourself a friend?
ถ้าไม่ได้เราก็ไม่ใช่เพื่อนกัน
( การแนะนำเพื่อนของวงการคนเสพโคเคนก็คือเราจะยื่นโคเคน 1 กรัม
ให้กับเพื่อนใหม่คนนั้น Serotonin คือสารชนิดหนึ่งของยาอี แมตตี้จึงเรียกเพื่อนใหม่คนนั้นว่า
Mr.Serotonin เพราะในมือของชายคนนั้นมีโคเคนที่ทำให้เขารู้สึกดีอยู่ )
( การแนะนำเพื่อนของวงการคนเสพโคเคนก็คือเราจะยื่นโคเคน 1 กรัม
ให้กับเพื่อนใหม่คนนั้น Serotonin คือสารชนิดหนึ่งของยาอี แมตตี้จึงเรียกเพื่อนใหม่คนนั้นว่า
Mr.Serotonin เพราะในมือของชายคนนั้นมีโคเคนที่ทำให้เขารู้สึกดีอยู่ )
I got two left feet and I'm starting to cheat
ผมมันเป็นพวกโลเลก็เลยเริ่มนอกใจ
On my girlfriend again
แฟนของตัวเองอีกครั้งแล้ว
( คำว่า left เป็นคำที่เพี๊ยนมาจากคำว่า lyft ซึ่งเป็นภาษาเก่าหมายถึง อ่อนแอ,ปวกเปียก
ไม่ได้มาจากรากเดียวกับ left ที่เป็นรูปอดีตของ leave ปัจจุบัน left ไม่ได้มีความหมายในเชิงลบแล้ว
แต่ก็ยังไปโผล่ในสำนวนที่มีความหมายไม่ค่อยดีอยู่ เช่น have two left feet คือคำที่
เอาไว้ด่าพวกไม่เอาอ่าว โลเล ปวกเปียก ในไลน์นี้ความหมายจึงแปลว่า แมตตี้(ในเพลง robber)
เป็นพวกโลเล ไร้ประโยชน์ ไม่พอใจสิ่งที่ตัวเองมีก็เลยเริ่มนอกใจแฟนที่ลำบากมาด้วยกันอีกครั้ง )
ไม่ได้มาจากรากเดียวกับ left ที่เป็นรูปอดีตของ leave ปัจจุบัน left ไม่ได้มีความหมายในเชิงลบแล้ว
แต่ก็ยังไปโผล่ในสำนวนที่มีความหมายไม่ค่อยดีอยู่ เช่น have two left feet คือคำที่
เอาไว้ด่าพวกไม่เอาอ่าว โลเล ปวกเปียก ในไลน์นี้ความหมายจึงแปลว่า แมตตี้(ในเพลง robber)
เป็นพวกโลเล ไร้ประโยชน์ ไม่พอใจสิ่งที่ตัวเองมีก็เลยเริ่มนอกใจแฟนที่ลำบากมาด้วยกันอีกครั้ง )
I caught her picking her nose
ผมแอบจับได้นะว่าเธอกำลังจับจมูกตัวเอง
( ไลน์นี้ยังคงวนอยู่ในเพลง Robber นะคะ แมตตี้แอบจับได้ว่าแฟนสาวที่เขาแอบนอกใจ
เธอสัญญากับเขาแล้วว่าจะเลิกเสพโคเคน แต่พอเห็นท่าทางการสูดจมูกของเธอแล้ว
ทำให้แมตตี้มั่นใจได้ว่าเธอยังไม่เลิกเสพแน่นอน ซึ่งในไลน์นี้แมตตี้นำมาเปรียบเทียบกับไลน์ก่อนหน้า
เพราะเขาโกหกและนอกใจเธอ แฟนของแมตตี้เลยเอาคืนในการโกหกเรื่องเลิกโคเคนบ้างค่ะ )
เธอสัญญากับเขาแล้วว่าจะเลิกเสพโคเคน แต่พอเห็นท่าทางการสูดจมูกของเธอแล้ว
ทำให้แมตตี้มั่นใจได้ว่าเธอยังไม่เลิกเสพแน่นอน ซึ่งในไลน์นี้แมตตี้นำมาเปรียบเทียบกับไลน์ก่อนหน้า
เพราะเขาโกหกและนอกใจเธอ แฟนของแมตตี้เลยเอาคืนในการโกหกเรื่องเลิกโคเคนบ้างค่ะ )
As the crowd cheered for an overdose
กลุ่มคนตรงหน้ากลับบอกให้เสพมันเข้าไปอีก
( ไลน์นี้น่าจะพูดถึงโชว์ของ THE 1975 ในปี 2014 ค่ะ ซึ่งเป็นช่วงที่แมตตี้ดื่มหนักมากตอนโชว์บนเวที )
( ไลน์นี้น่าจะพูดถึงโชว์ของ THE 1975 ในปี 2014 ค่ะ ซึ่งเป็นช่วงที่แมตตี้ดื่มหนักมากตอนโชว์บนเวที )
And I don't suppose you know where this train goes
เดาได้เลยว่าคุณน่ะไม่รู้หรอกว่ารถไฟขบวนนี้มันจะไปจบที่ตรงไหน
( แมตตี้ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าการติดยาเสพติดมานานมันจะทำให้ร่างกายของเขาย่ำแย่ขนาดไหน
โดยเขาใช้การเดินทางที่ไม่รู้จุดหมายของรถไฟเป็นอุปมาการติดยาเสพติดของตัวเอง
ซึ่งความหมายแฝงของไลน์นี้ก็คือการขอความช่วยเหลือจากใครสักคน ที่จะดึงเขาให้พ้น
จากขุมนรกของยาเสพติดที่แมตตี้ไม่สามารถออกไปด้วยตัวเองได้ )
( แมตตี้ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าการติดยาเสพติดมานานมันจะทำให้ร่างกายของเขาย่ำแย่ขนาดไหน
โดยเขาใช้การเดินทางที่ไม่รู้จุดหมายของรถไฟเป็นอุปมาการติดยาเสพติดของตัวเอง
ซึ่งความหมายแฝงของไลน์นี้ก็คือการขอความช่วยเหลือจากใครสักคน ที่จะดึงเขาให้พ้น
จากขุมนรกของยาเสพติดที่แมตตี้ไม่สามารถออกไปด้วยตัวเองได้ )
There was a party that she had to miss
ปาร์ตี้นี้รู้สึกว่าเธอจะพลาดไปหน่อยนะ
Because her friend kept cutting her wrists
เพราะเพื่อนของเธอน่ะจะฆ่าตัวตายอีกแล้ว
( เพราะเพื่อนของผู้หญิงที่เป็นตัวเอกของเพลงกำลังจะฆ่าตัวตาย
เธอเลยต้องพลาดปาร์ตี้โคเคนที่พวกเขาจัดขึ้นมา )
( เพราะเพื่อนของผู้หญิงที่เป็นตัวเอกของเพลงกำลังจะฆ่าตัวตาย
เธอเลยต้องพลาดปาร์ตี้โคเคนที่พวกเขาจัดขึ้นมา )
Hyper-politicized sexual trysts
ปาร์ตี้ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซ็กซ์
ปาร์ตี้ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซ็กซ์
( politicize - การเมือง แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึงคำว่านอกจากปาร์ตี้เซ็กซ์แล้ว
พวกเขายังมีโคเคนให้เสพแบบไม่อั้นอีกด้วย )
พวกเขายังมีโคเคนให้เสพแบบไม่อั้นอีกด้วย )
"Oh, I think my boyfriend's a nihilist"
"โอ้ แฟนของฉันแม่งอันตรายชิบหายเลย"
"โอ้ แฟนของฉันแม่งอันตรายชิบหายเลย"
( แฟนของแมตตี้เริ่มกลัวเขาแล้ว เพราะฤทธิ์ของยาเสพติดทำให้เขากลายเป็นพวกไม่มีเหตุผล
อารมณ์ฉุนเฉียวและโมโหร้ายง่ายมากๆ ความกลัวเริ่มครอบงำเธอ ทำให้เธอต้องพึ่งยาเสพติด
เพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ )
อารมณ์ฉุนเฉียวและโมโหร้ายง่ายมากๆ ความกลัวเริ่มครอบงำเธอ ทำให้เธอต้องพึ่งยาเสพติด
เพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ )
I said, "Hey kids, we're all just the same
What a shame"
ผมก็เลยบอกว่า "ยัยบ้านี่ เราสองคนแม่งก็หมือนกันนั่นแหละ
What a shame"
ผมก็เลยบอกว่า "ยัยบ้านี่ เราสองคนแม่งก็หมือนกันนั่นแหละ
จะอะไรกันนักกันหนาวะ"
( แมตตี้ยกให้ไลน์นี้เป็นไลน์โปรดในเพลงนี้ของเขาเลย เพราะถึงแม้ปากของเราจะพูดว่าต่างกันยังไง
แต่พวกเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันเดินอยู่บนดินเหมือนกัน )
( แมตตี้ยกให้ไลน์นี้เป็นไลน์โปรดในเพลงนี้ของเขาเลย เพราะถึงแม้ปากของเราจะพูดว่าต่างกันยังไง
แต่พวกเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันเดินอยู่บนดินเหมือนกัน )
And oh, how I'd love to go to Paris again
โอ้ ผมล่ะอยากจะไปปารีสอีกจังเลย
And how I'd love to go to Paris again
ผมอยากกลับไปที่ปารีสอีกสักครั้งจริงๆ
( ปารีสในไลน์นี้ไม่ได้หมายถึงปารีสในฝันของแมตตี้กับแฟนอีกแล้ว
แต่เป็นปารีสสถานที่ที่เต็มไปด้วยโคเคนที่แมตตี้ใฝ่ฝันถึง )
แต่เป็นปารีสสถานที่ที่เต็มไปด้วยโคเคนที่แมตตี้ใฝ่ฝันถึง )
"Oh stop being an arsehole and counting my eye rolls"
"พอเถอะ หยุดทำตัวงี่เง่าแบบนี้สักที ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ"
( arsehole/asshole - พวกคนที่ชอบทำตัวงี่เง่า เพราะเธอนิสัยเหมือนกับเขามากเกินไป
เลยทำให้แมตตี้เริ่มจะทนกับพฤติกรรมของเธอไม่ไหวแล้ว )
( arsehole/asshole - พวกคนที่ชอบทำตัวงี่เง่า เพราะเธอนิสัยเหมือนกับเขามากเกินไป
เลยทำให้แมตตี้เริ่มจะทนกับพฤติกรรมของเธอไม่ไหวแล้ว )
"They're like piss holes in the snow" - uh oh
"อุ๊ย ตรงนั้นเหมือนหลุมฉี่บนหิมะเลยเนอะ"
( piss holes in the snow เป็นศัพท์แสลงค่ะแปลว่า เป็นอาการของคนเมาค้างจนตากลอกกลับไปกลับมาค่ะ
ไลน์นี้แมตตี้น่าจะสื่อถึงคำพูดของบุคคลที่สามซึ่งกำลังมองพวกเขาสองคนที่เมาโคเคนแล้วทะเลากันอยู่ )
She said I've been romanticizing heroin
( piss holes in the snow เป็นศัพท์แสลงค่ะแปลว่า เป็นอาการของคนเมาค้างจนตากลอกกลับไปกลับมาค่ะ
ไลน์นี้แมตตี้น่าจะสื่อถึงคำพูดของบุคคลที่สามซึ่งกำลังมองพวกเขาสองคนที่เมาโคเคนแล้วทะเลากันอยู่ )
Keeping a tab on my health
เรื่องสุขภาพน่ะช่างมันก่อนก็แล้วกัน
( เป็นการเล่นคำของฝ่ายหญิงค่ะ เธอรู้ว่าแมตตี้กำลังติดยาอะไรอยู่บ้าง
เลยใช้ยาพวกนั้นเป็นตัวคอยควบคุมแมตตี้ให้อยู่ในโอวาทของตัวเองค่ะ )
( เป็นการเล่นคำของฝ่ายหญิงค่ะ เธอรู้ว่าแมตตี้กำลังติดยาอะไรอยู่บ้าง
เลยใช้ยาพวกนั้นเป็นตัวคอยควบคุมแมตตี้ให้อยู่ในโอวาทของตัวเองค่ะ )
Man you're putting me up on a shelf
นี่นายกล้าเมินฉันขนาดนี้เลยหรอ
( เพราะเธอคอยควบคุมเขาและทำตัวเหมือนแม่คอยปกป้องเขาจากโลกภายนอก
ยกให้เขาขึ้นไปอยู่บนจุดที่สูงๆซึ่งมันทำให้แมตตี้รู้สึกยิ่งไร้ค่ามากกว่าเดิม เขาก็เลยเมินเธอไป )
( เพราะเธอคอยควบคุมเขาและทำตัวเหมือนแม่คอยปกป้องเขาจากโลกภายนอก
ยกให้เขาขึ้นไปอยู่บนจุดที่สูงๆซึ่งมันทำให้แมตตี้รู้สึกยิ่งไร้ค่ามากกว่าเดิม เขาก็เลยเมินเธอไป )
"Well I'll believe you're clean
But only by seeing your face for myself"
But only by seeing your face for myself"
"เอาล่ะ ฉันจะเชื่อก็ได้ว่านายเลิกยาแล้ว
แต่ต้องให้ฉันไ้เจอหน้าของนายก่อนก็แล้วกัน"
( เพราะเขาไม่อยากให้เธอคอยควบคุมอีกแล้ว ก็เลยบอกไปว่าเลิกยาแบบหายขาดแล้ว
เธอทำท่าเหมือนจะเชื่อแต่ก็ไม่ เธอเลยขอเจอหน้าของแมตตี้ก่อนเพื่อที่จะเช็คว่า
เขาเลิกยาทั้งหมดแล้วจริงๆ )
แต่ต้องให้ฉันไ้เจอหน้าของนายก่อนก็แล้วกัน"
( เพราะเขาไม่อยากให้เธอคอยควบคุมอีกแล้ว ก็เลยบอกไปว่าเลิกยาแบบหายขาดแล้ว
เธอทำท่าเหมือนจะเชื่อแต่ก็ไม่ เธอเลยขอเจอหน้าของแมตตี้ก่อนเพื่อที่จะเช็คว่า
เขาเลิกยาทั้งหมดแล้วจริงๆ )
And then she pointed at the bag of her dreams
แล้วเธอก็ชี้ไปที่กระเป๋าในฝัน
In a well posh magazine
แล้วเธอก็ชี้ไปที่กระเป๋าในฝัน
In a well posh magazine
ที่อยู่ในนิตยาสารสุดหรู
( ไลน์นี้แมตตี้กำลังจะสื่อว่า อันที่จริงแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นห่วงตัวของเขาเลย
เธอเป็นห่วงเงินต่างหาก เพราะถ้าหากว่าเขาไม่หยุดยา เขาก็จะไม่มีเงินพอที่จะ
มาซื้อกระเป๋าสุดหรูใบนั้นให้เธอ เพราะถ้าเธอห่วงเขาจริงเธอจะไม่ชี้ไปที่กระเป๋าใบนั้นอย่างแน่นอน )
( ไลน์นี้แมตตี้กำลังจะสื่อว่า อันที่จริงแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นห่วงตัวของเขาเลย
เธอเป็นห่วงเงินต่างหาก เพราะถ้าหากว่าเขาไม่หยุดยา เขาก็จะไม่มีเงินพอที่จะ
มาซื้อกระเป๋าสุดหรูใบนั้นให้เธอ เพราะถ้าเธอห่วงเขาจริงเธอจะไม่ชี้ไปที่กระเป๋าใบนั้นอย่างแน่นอน )
I said "I'm done, babe. I'm out of the scene,"
ผมเลยบอกว่า "ผมเลิกแล้วจริงๆที่รัก ไม่ขอกลับไปยุ่งกับพวกมันอีกแล้ว"
But I was picking up on Bethnal Green
ผมเลยบอกว่า "ผมเลิกแล้วจริงๆที่รัก ไม่ขอกลับไปยุ่งกับพวกมันอีกแล้ว"
But I was picking up on Bethnal Green
แต่ผมก็เพิ่งจะไปรับยาที่ Bethnal Green มาอ่ะนะ
( เขาบอกเธอว่าผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเลิกยามาแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆเขาเพิ่งจะไปรับยามาจาก
เพื่อนที่รู้จักกันในย่าน Soho อารมณ์ประมาณว่า แฟนของแมตตี้ให้ความสำคัญกับกระเป๋าสุดหรูมากกว่า
ชีวิตของเขาทำไมเขาจะต้องสนใจเธอกับกระเป่าใบนั้นด้วยล่ะ เขาสนใจสิ่งที่ให้ความสุขกับตัวเขาจริงๆ
ไม่ดีกว่าหรอ สิ่งที่ว่านั้นก็คือโคเคนนั่นเองค่ะ )
( เขาบอกเธอว่าผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเลิกยามาแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆเขาเพิ่งจะไปรับยามาจาก
เพื่อนที่รู้จักกันในย่าน Soho อารมณ์ประมาณว่า แฟนของแมตตี้ให้ความสำคัญกับกระเป๋าสุดหรูมากกว่า
ชีวิตของเขาทำไมเขาจะต้องสนใจเธอกับกระเป่าใบนั้นด้วยล่ะ เขาสนใจสิ่งที่ให้ความสุขกับตัวเขาจริงๆ
ไม่ดีกว่าหรอ สิ่งที่ว่านั้นก็คือโคเคนนั่นเองค่ะ )
เธอบอกว่าผมน่ะเป็นนักเสพเฮโรอีนที่โรแมนติกที่สุดเลย
And oh how I’d love to go to Paris, to Paris again
And how I’d love to go to Paris again
And how I’d love to go to Paris again
And how I’d love to go to Paris again
And oh how I’d love to go to Paris, to Paris again
And how I’d love to go to Paris again
And how I’d love to go to Paris again
And how I’d love to go to Paris again
โอ้ ผมล่ะอยากจะกลับไปที่ปารีสอีกสักครั้งจังเลย
( เพราะเขาใส่แว่นสีชาบวกกับเสพเฮโรอีนเข้าไปอีก ฤทธิ์ของยาเสพติดทำให้เขาเคลิ้มและทำดีกับเธอ
ช่วงเวลาที่เรียบง่ายและสงบสุข ไม่ต้องคิดอะไร แค่ปล่อยตัวไปกับฤทธิ์ของยา
เป็นช่วงที่เขามีความสุขมากที่สุดแล้ว )
( เพราะเขาใส่แว่นสีชาบวกกับเสพเฮโรอีนเข้าไปอีก ฤทธิ์ของยาเสพติดทำให้เขาเคลิ้มและทำดีกับเธอ
ช่วงเวลาที่เรียบง่ายและสงบสุข ไม่ต้องคิดอะไร แค่ปล่อยตัวไปกับฤทธิ์ของยา
เป็นช่วงที่เขามีความสุขมากที่สุดแล้ว )
Lyrics source : The 1975 - Paris
ชอบวงนี้มากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแปลดีๆนะคะเป็นกำลังใจให้ทำต่อไปค่ะ
ตอบลบแปลได้ดีมากครับ
ตอบลบหาแปลเพลงนี้ตั้งนานกว่าจะเจอ แล้วนี้ก็แปลได้ดีมากๆเลย แปลเพลงของ 1975 อีกนะชอบเหมือนกัน
ตอบลบแปลได้ดีมากครับ
ตอบลบขอบคุณที่แปลเพลงดีๆครับ
ตอบลบแปลดีมากจริงๆครับ .
ตอบลบi like your translation so much! xx
ตอบลบ