วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

[แปลเพลง] The 1975 - Robber




 


 “ เพลง Robber เป็นเพลงรัก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง True Romance ที่เขียนโดย Quentin Tarantino เป็นเรื่องราวของ Elvis ที่ไม่เคยชายตามองใครแต่กลับตกหลุมรักและแต่งงานกับโสเภณี ในหนังทั้งคู่หนีไปแคลิฟอร์เนียหลังจากที่ฆ่าแมงดาที่เกาะ Alabama และขโมยยาเสพติดของเขาไปด้วยเพื่อขายและนำไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน เรื่องราวเบื้องลึกของหนังเรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของผม ความโรแมนติก ความสิ้นหวัง และตกหลุมรักกัน เรื่องราวของความรักที่ต้องหลบหนีจากกฎหมายและสามารถชนะการต่อรองทั้งหมดได้ ตัวละครคล้ายกับบอนนี่และไคลด์ที่ทำให้ผมนึกถึงสมัยวัยรุ่น คู่รักเมายาที่ไม่สนใจคนรอบข้างใช้ความรักที่เต็มไปด้วยความหลงผลักดันความสัมพันธ์ของตัวเองเอาไว้ Robber เป็นเพลงที่หมายถึงความสัมพันธ์พวกนี้ เอมวีเพลงนี้เกี่ยวกับความรักที่ทำให้คนทั้งคู่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล. – Matthew Healy


*เพลงนี้มีสามตัวละคร บุคคลที่สาม ฝ่ายหญิง และฝ่ายชาย*
  





[Verse 1]

She had a face straight out a magazine
God only knows but you’ll never leave her
Her balaclava is starting to chafe
When she gets his gun

He’s begging 'Babe stay, stay'

หน้าของเธองดงามจนเหมือนหลุดออกมาจากแม็กกาซีน
มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าคุณไม่เคยทิ้งเธอไปได้
หมวกไอ้โม่งมันเริ่มทำให้เธอรำคาญ
ตอนที่เธอจับปืนของเขา
เขาขอร้องเธอว่า"ที่รัก ได้โปรดอยู่ต่อไปเถอะนะ"

*** คนรักของเขานั้นสวยมาก ทำอะไรก็ดูมีเสน่ห์ไปหมด และไม่ว่าเธอจะเคยทำอะไรมาบ้างในอดีตเขาจะไม่เก็บมาใส่ใจ ความรักของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหลและไม่มีเงื่อนไขใดๆ แต่เธอกำลังอึดอัดกับความสัมพันธ์แบบนี้และต้องการเลิก และปืนในที่นี้ก็หมายถึงความสัมพันธ์ที่มันกำลังจะจบไปแล้วแต่เขากลับขอร้องให้เธอเก็บไปคิดใหม่ เพลงนี้น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากหนัง True Romance ในปี 1993 ที่เขียนโดย Quentin Tarantino มันมีฉากนึงที่ Alabama ขอร้อง Clarence ว่า “ที่รักได้โปรดอยู่เถอะนะ” หลังจากนั้น Clarence ก็หยิบปืนมายิงชู้ของ Alabama ทิ้ง ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ในหนังคล้ายกันกับตัวเอกทั้งสองคนในเพลงนี้



[Hook 1]

'I'll give you one more time
We'll give you one more fight

Said one more line
Will I know you?'

ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง
เราจะให้พวกคุณสู้กันอีกหน
แล้วบอกกันอีกสักประโยค
ผมจะได้รู้จักคุณใช่ไหม?

*** บอนนี่และไคลด์สไตล์คือเพลงนี้ ทั้งคู่พูดว่า “อีกครั้ง...” ทุกครั้งที่กำลังจะเลิกกันเป็นความสัมพันธ์ที่จะไม่มีวันสิ้นสุด เขากำลังบอกอะไรบางอย่างกับเธอ ในหนังฆาตกรรมถ้ามีใครกำลังจะถูกฆ่าตายฝั่งคนฆ่าก็มักจะพูดว่า “มีอะไรจะสั่งเสียไหม?” one more line ในที่นี้อาจจะหมายถึงพวกเขากำลังเล่นโคเคนกันอยู่ก็ได้




[Verse 2]

Now if you never shoot, you’ll never know
And if you never eat, you’ll never grow
You’ve got a pretty kind of dirty face
And when she's leaving your home
She's begging you to stay stay stay stay stay


ถ้าคุณไม่ยิงคุณก็จะไม่มีวันรู้
ถ้าคุณไม่กินคุณก็จะไม่มีวันโต
หน้าของคุณเริ่มแย่แล้วนะตอนนี้
และตอนที่เธอกำลังจะจากคุณไป
นั่นคือเธอกำลังขอร้องให้คุณอยู่ต่อไป

*** ถ้าเกิดว่าไม่ลองเลิกกันเราก็จะไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด ถ้าคุณไม่ลองทำสิ่งใหม่ๆเช่นไปคบคนใหม่ หรือไปมีรักใหม่ ก็จะไม่มีวันได้เรียนรู้เรื่องโลกใบนี้ ถ้ามองในแง่ยาเสพติด “If you never shoot” จะหมายถึงการฉีดเฮโรอีนเข้าเส้น *** เธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้งแบบรู้สึกผิดและขอให้เขาอยู่ต่อไป เพราะพวกเขาทำผิดที่ปล่อยให้ความสัมพันธ์นี้มันมีต่อไปเรื่อยๆ





[Hook 1]
'I'll give you one more time
We'll give you one more fight

Said one more line
Will I know you?'


ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง
เราจะให้พวกคุณสู้กันอีกหน
แล้วบอกกันอีกสักประโยค
ผมจะได้รู้จักคุณใช่ไหม?

*** ความสัมพันธ์ของพวกเขาวนลูปไปเรื่อยๆ เริ่มใหม่และจบลง สิ่งที่ช่วยให้มันยังคงอยู่ต่อไปก็คือโคเคน  





[Bridge]

Well now that you’ve got your gun
It’s much harder now the police have come
And I'll shoot him if it's what you ask
But if you just take off your mask
You'd find out, everything’s gone wrong


Now everybody’s dead
And they’re driving past my old school
And he’s got his gun, he’s got his suit on
She says, 'Babe, you look so cool'


หยิบปืนของคุณขึ้นมาได้แล้ว
มันเริ่มไม่ค่อยจะดีแล้วเพราะตำรวจกำลังมา
ผมจะยิงเขาทิ้งซะ ถ้าคุณยังถามอยู่แบบนี้
แต่ถ้าคุณดึงผ้าที่ปิดอยู่ออกไป
คุณก็จะเห็นว่าทุกอย่างมันพลาดไปหมด

ตอนนี้ทุกคนตายหมดแล้ว
และพวกเขากำลังขับรถผ่านโรงเรียนเก่าของคุณ
เขาใส่ชุดคู่ใจและถือปืนเอาไว้ในมือ
เธอร้องขึ้นมาว่า “ที่รัก คุณดูเท่เหลือเกิน”

*** (ปืน=การยุติความสัมพันธ์) (ตำรวจ=ความเป็นจริง) เธอกำลังจะใช้ปืนเพื่อยิงเขา แต่ตำรวจกำลังจะมาทุกอย่างมันเลยทำยากขึ้น ทำให้เธอยุติความสัมพันธ์กับเขาไม่ได้ เธอเผชิญกับความจริงที่จะต้องสูญเสียเขาไปไม่ได้ เพราะเขาทำให้ทุกอย่างที่เธออยากได้ไม่สนว่ามันจะถูกหรือผิดเพราะว่าเขารักเธอ แต่ถ้าเธอมองความสัมพันธ์นี้จากมุมมองของคนนอกก็จะรู้ว่าทุกอย่างมันควรจบได้แล้ว *** ทุกคนย่อมเปลี่ยนไป เขาถือปินที่พร้อมฆ่าทุกคนที่กำลังบอกเธอเรื่องความสัมพันธ์ที่มันจะต้องจบลง *** (you look so cool)*** ท่ามกลางความวุ่นวายในวันนี้ ตอนที่ฉันได้ยินเสียงจากปลายกระบอกปืน และได้กลิ่นไหม้คลุ้งลอยมาในอากาศ ฉันลองมองย้อนกลับไปและแปลกใจมาก ฉันคิดว่ามันชัดเจนและจริงที่สุด มีสามคำที่ไหลผ่านเข้าไปในใจของฉันไม่หยุด ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเครื่องบันทึกนั้นกำลังจะพัง you’re look so cool, you’re look so cool, you’re look so cool. - true romance.
 
 

 




[Outro]

You look so cool
you look so cool
cool cool cool
You look so cool
you look so cool
you look so cool
cool cool cool cool

“คุณดูเท่เหลือเกิน”
“คุณเท่มากจริงๆ”

*** ประโยคนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง True romance ฉากที่ฝ่ายชายรับกระดาษเช็ดปากมาจากฝ่ายหญิงและบนนั้นเขียนว่า “You’re look so cool
 
 







Lyrics Source : The 1975 -Robber





วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

[แปลเพลง] The 1975 - This Must Be My Dream









[Verse]

I personify the ‘adolescent on a phone’
Speaking like I’m bigger than my body
I personify that lack of freedom in your life
And I'm sure she'll be gone in a second


ผมทำตัวเหมือนพวกวัยรุ่นติดโทรศัพท์
อย่าว่าแบบนั้นเลย ผมน่ะดีกว่าที่เห็นนะ
ผมทำให้ชีวิตของคุณขาดอิสระ
และตอนนี้ก็แน่ใจแล้วว่าคุณจะหนีผมไปอีกครั้ง





[Pre-Chorus]

Let me tell you 'bout this girl
I thought she'd rearrange my world
Takes a particular type of girl
To put my heart under arrest
So why is this beating on my chest?


ให้ผมได้อธิบายเรื่องเธอคนนั้นหน่อย
ผู้หญิงที่มาจัดการชีวิตของผม
ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ได้หัวใจของผมไปกุมไว้
แล้วทำไมหน้าอกผมถึงสั่นไหวขนาดนี้?




[Chorus]

(This must be my dream)
Wide awake before I found you
(This must be my dream)
I can't wait for you boy
(Wake me from my dream)
What does all our love amount to?
(This must be my dream)
We can't make love when you fly around me baby


(
นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ที่ต้องตื่นก่อนจะได้เจอกับคุณ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ฉันรอนายไม่ได้หรอกนะ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ความรักของเรามันมากเท่าไหร่หรอ?
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
เราทำกันไม่ได้หรอกถ้าคุณยังทำผมหัวหมุนแบบนี้นะ ที่รัก





[Chorus]

Pipe down, now lover
It's failing cos' you want it to
Well, I thought it was love but I guess I must be dreaming

'Bout feeling something instead of you

เงียบไปเลยที่รัก
มันพังเพราะความอยากของคุณนั่นแหละ
ผมคิดว่ามันเป็นความรักแต่บางทีอาจจะเป็นแค่ฝัน
ที่เกี่ยวกับความรู้สึกบางอย่างของคุณ




[Pre-Chorus]


"What did I tell you 'bout this girl?"
The one to rearrange your world?
You got excited and now you find out that your 'girl' won't
even get you undressed or care about your beating chest

"ผมบอกคุณเรื่องผู้หญิงคนนั้นว่ายังไงนะ?"
คนเดียวที่มาจัดการกับโลกของนาย?
นายดูตื่นเต้นจัง ตอนนี้คงเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วสินะ
คนที่ไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งตัวแต่แคร์แค่เสียงหัวใจที่กำลังเต้น




[Chorus]

(This must be my dream)
Wide awake before I found you
(This must be my dream)
I can't wait for you boy
(Wake me from my dream)
What does all our love amount to?
(This must be my dream)
We can't make love when you fly around me baby


(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ที่ต้องตื่นก่อนจะได้เจอกับคุณ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ฉันรอนายไม่ได้หรอกนะ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ความรักของเรามันมากเท่าไหร่หรอ?
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
เราทำกันไม่ได้หรอกถ้าคุณยังทำผมหัวหมุนแบบนี้นะ ที่รัก

(This must be my dream)
Wide awake before I found you
(This must be my dream)
I can't wait for you boy
(Wake me from my dream)
What does all our love amount to?
(This must be my dream)
We can't make love when you fly around me baby

(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ที่ต้องตื่นก่อนจะได้เจอกับคุณ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ฉันรอนายไม่ได้หรอกนะ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ความรักของเรามันมากเท่าไหร่หรอ?
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
เราทำกันไม่ได้หรอกถ้าคุณยังทำผมหัวหมุนแบบนี้นะ ที่รัก

 

 

 

 

[Instrumental Break]

 

 

 

 

[Chorus Variation]

(This must be my dream)
Wide awake before I found you
(This must be my dream)
I can't wait for you boy
(Wake me from my dream)
What does all our love amount to?
(This must be my dream)
We can't make love when you fly around me baby


(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ที่ต้องตื่นก่อนจะได้เจอกับคุณ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ฉันรอนายไม่ได้หรอกนะ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ความรักของเรามันมากเท่าไหร่หรอ?
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
เราทำกันไม่ได้หรอกถ้าคุณยังทำผมหัวหมุนแบบนี้นะ ที่รัก




[Chorus]

(This must be my dream)
Wide awake before I found you
(This must be my dream)
I can't wait for you boy
(Wake me from my dream)
What does all our love amount to?
(This must be my dream)
We can't make love when you fly around me baby


(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ที่ต้องตื่นก่อนจะได้เจอกับคุณ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ฉันรอนายไม่ได้หรอกนะ
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
ความรักของเรามันมากเท่าไหร่หรอ?
(นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน)
เราทำกันไม่ได้หรอกถ้าคุณยังทำผมหัวหมุนแบบนี้นะ ที่รัก




[ถอดความ]
 
 









[Verse]


1.แมทตี้เชื่อว่าเขาเป็นพวกวัยรุ่นติดโทรศัพท์ ถึงแม้จะมีความสัมพันธ์ที่ติดลบ แมตตี้ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องไม่ดี เขาเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าเราต้องการหรือต้องทำอะไรกันแน่ บรรทัดนี้ยังอ้างอิงถึงเพลง “Love Me” ด้วย Ever craved something but didn’t know what it is that you craved? Are you bored? Is that why we are on our phones? Is this pretentious? Yeah? Yeah?…YEAH ??……No. (เคยโหยหาอะไรแล้วไม่รู้ว่ามันคืออะไรใช่ไหม? เบื่อใช่ไหม? นี่คือเหตุผลที่พวกเราเอาแต่จับโทรศัพท์ใช่ไหม? จะอวดใช่ไหม? ใช่? ไม่ใช่? ...หรือใช่?....ไม่ใช่)” *เหมือนเนื้อเพลงนี้โดนตัดออก*

แมทตี้มีวิธีการพูดให้ดูน่าเชื่อถือ อาจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนที่พูดเก่ง ดูจากมุมมองของเขาอาจจะหมายถึงเขาเกิดมาเพื่อชนะหรือไม่ก็กำลังหลงตัวเองอยู่ แมทตี้ใช้ตัวเองเป็นอุปมาในท่อนนี้ “that lack of freedom in your life” เพราะมันหมายถึงเวลาที่พวกเขาคบกันผู้หญิงจะไม่มีสิทธิ์ไปสนใจชายอื่นเลย ทำให้ฝ่ายผู้หญิงเซ็งมากเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันและเธอก็ทำอะไรกับแมทตี้ไม่ได้ ความรักของเธอสำหรับแมทตี้คือป้องกันเธอไม่ให้นอกใจเขาแล้วก็ให้ทำอะไรๆไม่สะดวก เธอเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ คาดเดาไม่ได้ แล้วก็ไม่ชอบผูกพัน เธออาจะทิ้งเขาไปแล้วแมทตี้ก็ไม่ได้หวังที่จะมีเธออยู่ไปด้วยตลอดชีวิต บรรทัดนี้ขัดกับบรรทัดก่อนหน้าเพราะถึงจะ ขาดอิสระแต่เธอก็ไม่ใช่สิ่งที่คงทนในชีวิตของแมทตี้เหมือนกัน

 
[Pre-Chorus]

แมทตี้เริ่มท่อนนี้โดยการแนะนำเราให้รู้จักกับผู้หญิงที่ทำให้โลกของเขาสั่นไหว พอเขาเริ่มพูดถึงเรื่องราวก่อนหน้าก็จะทำให้เราเขาใจเรื่องความสัมพันธ์นี้ไปทีละนิด ปล. คำว่าจัดการเขาเน้นเสียงจนเหมือนกับว่าเธอมาจัดการเรื่องส่วนตัวของเขามากเกินไป แมทตี้ไม่ใช่คนปักหลักกับอะไรง่ายๆ เขาเป็นพวกสนใจเรื่องความรักแบบฉาบฉวยมากกว่า มันเลยน่าสนใจมากที่เธอกุมหัวใจของเขาไว้ได้ ยังไงก็ตามแมทตี้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่คลุมเครือ เธอเป็นแรงบันดาลใจในสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทั้งหมดนี้นั้นได้มาจากการเล่นคำ “cardiac arrest


[Chorus]

- (This must be my dream) แมทตี้ผู้โรแมนติกได้ค้นพบตัวตนที่สมบูรณ์แบบแต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมา บรรทัดนี้บอกถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในเพลงโดยคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคือความฝันเพราะว่ามันดีเกินไปที่จะเป็นจริงได้ เชื่อมโยงกับความคิดที่สุดแสนจะโรแมนติกของพวกเขาที่หายวับไปและเป็นจริงไม่ได้ และมีท่อนย้ำหลายครั้งในเนื้อเพลงทำให้เห็นความชัดเจนในความสัมพันธ์ของพวกเขาว่ามันเป็นแค่เรื่องที่กุขึ้น เป็นเรื่องเหลวไหลแล้วก็จบลงในที่สุด
- แมตตี้ปรีดามากแล้วสมองก็โล่งมากก่อนมาเจอเธอคนนี้ เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นและตัดสินใจไปทั้งที่หมอกยังบังตาอยู่
- ท่อนนี้ทั้งสองคนน่าจะกำลังมี sex กันอยู่หรือเปล่า? เพราะท่อนหลังจากนั้นมันคือ I can't wait for you boy
- *อีกความหมาย* ฝ่ายหญิงเริ่มทนไม่ได้ที่ต้องรอแมตตี้กำลังออกทัวร์อยู่กับวงจึงน่าจะขอเลิก
- บรรทัดนี้พูดถึงเรื่องความรักของพวกเขาที่กำลังอยู่ในจุดอิ่มตัว แล้วก็อาจจะเป็นคำถามก่อนเลิกกัน
- เมายาจนมึนเลยมีอะไรกันไม่ได้



[Verse 2]

เขากำลังบอกตัวเองให้ใจเย็นแล้วก็รับความจริงซะว่าความรักมันไปกันไม่รอดแล้วเธอก็ไม่ใช่คนรักของเขาอีกต่อไป
- *อีกความหมาย* บอกเธอให้หุบปากแล้วก็บอกว่าเธอไม่ใช่คนรักเขาอีกแล้ว
- ต้องเลิกกันเพราะว่าอีกฝั่งไม่พยายามในการประคองกันและกันเลย เขาอยากได้มากกว่าที่เธอทำตอนนี้
- แมทตี้คิดว่าเขาจริงจังแล้วสำหรับพวกเธอ แต่เวลาที่พวกเขาเจอกันแมทตี้ก็จะคิดถึงแต่ร่างกายของเธอ พวกเขาไม่มีห้องที่เอาไว้ใส่ความรู้สึกที่แท้จริงเลย มีแค่ห้องที่เอาไว้ใส่แต่เรื่องเซ็กเท่านั้น



[Pre-Chorus2]

- ท่อนนี้น่าจะเป็นการย้อนจาก Pre-Chorus ท่อนที่แล้ว
- มันเหมือนการได้รักใครสักคนจริงๆ  เขาเรียกเธอว่า “ผู้หญิงของฉัน” แล้วบอกว่าเธอไม่ได้อยากมีเซ็กกับเขาและก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าเขาจะรู้สึกยังไง เขาตกหลุมรักเธอจริงๆแต่ก็คบกับเธอไม่ได้


All Annotations - The 1975 - This Must Be My Dream