วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2565

[แปลเพลง] Of Monsters And Men - Wolves Without Teeth


 

Transbymatt – กลับมาแล้วค่ะ เพลงนี้ติดอยู่ในหัวมาหลายวันแล้ว

เลยหยิบมาแปล สักหน่อยเพื่อเกลาภาษาของตัวเองด้วย 

แต่เพลงนี้ยากมากเลยค่ะ ความหมายเชิงลึกเยอะมาก 

แมทจะแปลตามที่ตัวเองเข้าใจนะคะ ถ้าหากผิดพลาดประการใด

รบกวนช่วยชี้แจงเพื่อแบ่งปันความรู้กันได้นะคะ :D

 

 

 

 

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

 

 

 

 

Open my chest and colour my spine

เปิดอกของผมออกมาแล้วแต่งแต้มกระดูกสันหลังนั้นให้ที

I'm giving you all

ผมให้คุณทั้งหมดเลย

I'm giving you all

ผมยกให้หมดเลย

Swallow my breath and take what is mine

ดูดกลืนลมหายใจและรับเอาทุกอย่างของผมไป

I'm giving you all

ผมให้คุณทั้งหมดเลย

I'm giving you all

ผมยกให้หมดเลย

 

Open my chest and colour my spine – เปิดอกของฉันและแต้มสีลงกระดูกสันหลัง” ความหมายเชิงลึกของ verse นี้ก็คือ การเปิดเผยทุกอย่างที่เป็นตัวตนข้างในซึ่งเปราะบางเป็นอย่างมากและการแต้มสีก็คือ การเปรียบเทียบการเรียนรู้รายละเอียดของคู่ตัวเอง และ กระดูกสันหลังก็คือร่างกายและตัวตนของคุณ ซึ่งโดยรวมแล้วก็คือ

 

“การเปิดเผยตัวตนของตนเองเพื่อคนรักและคอยศึกษาตัวตนของกันและกัน”

 

PS. Colour – คือการเขียนแบบ UK British ค่ะ

 

 

I'll be the blood if you'll be the bones

ฉันจะเป็นเลือด ถ้าหากคุณเป็นกระดูก

I'm giving you all

ฉันยกให้คุณทั้งหมดเลย

I'm giving you all

ฉันยกให้หมดเลย

So lift up my body and lose all control

ช่วยโอบอุ้มร่างกายนี้เอาไว้ทีเพราะฉันนั้นควบคุมไม่ได้แล้ว

I'm giving you all

ฉันยกให้คุณทั้งหมดเลย

I'm giving you all

ฉันยกให้หมดเลย

 

Verse นี้รู้สึกว่าความหมายเชิงลึกนั้นยากมากเลยค่ะ แล้วแต่ใครจะตีความด้วย แต่แมทกำลังคิดว่า การได้รับการโอบอุ้มและกอดรัดจ่ากคนรักนั้นดีมากเลย เพราะเขาจะทำร้ายเราก็ได้ในเมื่อเขาแข็งแรงกว่า แต่เขากลับใช้ความแข็งแรงนั้นกอดและปกป้องเราไว้ จนทำให้เราสูญเสียการควบคุมเพราะกำลังหลงใหลคนรักของตัวเองไงคะ 5555

 

“ได้โปรดโอบอุ้มฉัน พาฉันไป และเอาทุกอย่างที่ร่างกายของฉันมีไปได้เลย” 

 

You hover like a hummingbird

คุณโฉบไปมาเหมือนนกฮัมมิ่งเบิร์ด

Haunt me in my sleep

คอยหลอกหลอนยามที่ฉันกำลังหลับใหล

You're sailing from another world

คุณล่องเรือมาจากอีกโลกหนึ่ง

Sinking in my sea

และมาจมอยู่ในทะเลของฉัน

Oh, you're feeding on my energy

โอ้ คุณกำลังกัดกินพละกำลังของผม

Letting go of it

ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ

She wants it

ก็เธอต้องการมันนี่นา

 

ไม่ว่าจะยามตื่นหรือยามหลับ เขาผู้ซึ่งเปรียบเสมือนนกฮัมมิ่งเบิร์ดสำหรับเธอ ก็ยังคงคอยวนเวียนรบกวนจิตใจของเธอเหลือเกิน ทั้งวันทั้งคืนเธอก็ยังคอยวนเวียนเฝ้าคิดถึงเพียงแค่เขา From another world – ไม่ได้หมายความว่ามาจากโลกอื่นจริงๆนะคะ แต่หมายถึงว่ามาจากชนชั้นที่แตกต่างกันและตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้อยู่ในโลกใบเดียวกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างแบ่งปันพลังงานให้แก่กันและกันทั้งเติมเต็มเมื่อรู้สึกขาดและกอบโกยกลับคืนเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายได้รับมากเกินไป แต่ถ้าหากอีกฝ่ายต้องการอีกแม้จะได้รับมากไปแล้วก็ยังยินยอมยกให้อยู่ดี

 

And I run from wolves, ooh

และผมก็ได้วิ่งหนีจากหมาป่า

Breathing heavily at my feet

แม้จะหอบหายใจหนักแต่ฝีเท้านั้นก็ยังไม่หยุด

And I run from wolves, ooh

และฉันก็ได้วิ่งหนีจากหมาป่า

Tearing into me without teeth

ที่กำลังจะฉีกทึ้งฉันถึงแม้จะไม่มีฟัน

 

            พวกเขากำลังวิ่งหนีจากบางสิ่งที่ไม่ว่าจะหนียังไงก็ยังตามติดอยู่เป็นเงาใต้ฝ่าเท้า ซึ่งสิ่งนั้นไม่ใช่วัตถุแต่เป็นอารมณ์ที่อยู่ข้างในจิตใจ หมาป่าที่ไร้เขี้ยวเล็บกำลังนอนหมอบและหอบหายใจอยู่แทบเท้า กำลังฉีกทึ้งร่างของตัวเองถึงแม้ว่าจะไม่มีฟันหลงเหลืออยู่แล้ว สื่อถึงความเจ็บปวดข้างในจิตใจของคนรักที่รับรู้แต่ว่าเจ้าของความรู้สึกนั้นกลับไม่แสดงมันออกมา

 

I can see through you

ผมมองคุณออกนะ

We are the same

พวกเราก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก

It's perfectly strange

เป็นความแปลกที่สมบูรณ์แบบ

You run in my veins

คุณวิ่งพล่านไปตามเส้นเลือด

How can I keep you inside my lungs

ผมจะเก็บคุณไว้ในปอดได้ไหมนะ

I breathe what is yours

ลมหายใจของผมก็คือคุณ

You breathe what is mine

และลมหายใจของคุณก็ต้องเป็นผม

 

            เขามองเห็นตัวตนที่อยู่ข้างในของเธอ ทั้งสองคนเหมือนกันมาก ซึ่งมันทำให้เขาสามารถแสดงความรัก สิ่งที่เธอต้องการ โดยที่ไม่ต้องร้องขอ จากความรักเริ่มกลายเป็นความหลงใหล มันแปลกแต่พวกเขาก็รู้ แม้กระทั้งเลือด หรือลมหายใจ พวกเขาก็ต้องการมันทั้งหมดจากคนรักของตัวเอง

 

You hover like a hummingbird

คุณโฉบไปมาเหมือนนกฮัมมิ่งเบิร์ด

Haunt me in my sleep

คอยหลอกหลอนยามที่ฉันกำลังหลับใหล

You're sailing from another world

คุณล่องเรือมาจากอีกโลกหนึ่ง

Sinking in my sea

และมาจมอยู่ในทะเลของฉัน

Oh, you're feeding on my energy

โอ้ คุณกำลังกัดกินพละกำลังของผม

Letting go of it

ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ

He wants it

ก็เธอต้องการมันนี่นา

 

And I run from wolves, ooh

และผมก็ได้วิ่งหนีจากหมาป่า

Breathing heavily at my feet

แม้จะหอบหายใจหนักแต่ฝีเท้านั้นก็ยังไม่หยุด

And I run from wolves, ooh

และฉันก็ได้วิ่งหนีจากหมาป่า

Tearing into me without teeth

ที่กำลังจะฉีกทึ้งฉันถึงแม้จะไม่มีฟัน

 

And you can follow

You can follow me

You can follow

You can follow me

แต่ว่าคุณสามารถตามมาได้นะ

คุณตามมาได้เสมอเลย

 

You hover like a hummingbird

คุณโฉบไปมาเหมือนนกฮัมมิ่งเบิร์ด

Haunt me in my sleep

คอยหลอกหลอนยามที่ฉันกำลังหลับใหล

You're sailing from another world

คุณล่องเรือมาจากอีกโลกหนึ่ง

Sinking in my sea

และมาจมอยู่ในทะเลของฉัน

Oh, you're feeding on my energy

โอ้ คุณกำลังกัดกินพละกำลังของผม

Letting go of it

ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ

She wants it

ก็เธอต้องการมันนี่นา

 

And I run from wolves, ooh

และผมก็ได้วิ่งหนีจากหมาป่า

Breathing heavily at my feet

แม้จะหอบหายใจหนักแต่ฝีเท้านั้นก็ยังไม่หยุด

And I run from wolves, ooh

และฉันก็ได้วิ่งหนีจากหมาป่า

Tearing into me without teeth

ที่กำลังจะฉีกทึ้งฉันถึงแม้จะไม่มีฟัน

 

And you can follow

You can follow me

You can follow

You can follow me

You can follow

You can follow me

You can follow

You can follow me

แต่ว่าคุณสามารถตามมาได้นะ

คุณตามมาได้เสมอเลย

 

 

 

 

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

 

การตกหลุมรักคนที่เหมือนตัวเองบางทีมันก็ดีนะคะ

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเรารักตัวเองดีกว่าไหมนะ

เป็นความสัมพันธ์ที่ยากจัง ;-;

 

 

 

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

 

Lyrics source : Of Monsters And Men - Wolves Without Teeth

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2562

[แปลเพลง] The 1975 - Paris



Transbymatt – ปารีสในที่นี้อาจจะหมายถึงสถานที่นัดสังสรรค์และซื้อยาเสพติดค่ะ





- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -





She said 'hello', she was letting me know
เธอพูดว่า 'หวัดดี' เพื่อให้ผมรู้สึกตัว
We share friends in Soho
เราเป็นเพื่อนกันสมัยยังอยู่ที่ Soho
( Soho เป็นสวรรค์ของผู้เสพโคเคน ฝ่ายหญิงเริ่มทำความรู้จักกับแมตตี้อีกครั้ง
  และนี่คือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขา ซึ่งผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นตัวปัญหา
  สำหรับแมตตี้ในอนาคตได้ ) 
She's a pain in the nose
เธอมันน่ารำคาญนักนะ
And I'm a pain in women's clothes
แต่ว่าไม่ได้เพราะผมก็แสบใช่ย่อยเหมือนกัน
"And you're a walking overdose in a great coat"
"คุณใส่ชุดสวยดีนะแต่ดูเมาไปหน่อย"
( pain in the nose เป็นสำนวนที่มีความหมายเดียวกันกับสำนวน
 “pain in the ass - สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญใจ” 
  แมตตี้กำลังจะสื่อให้พวกเราเห็นว่าผู้หญิงขี้ยาคนนี้ทำตัวน่ารำคาญขนาดไหน
  I'm a pain in women's clothes ไลน์นี้แมตตี้บอกกับพวกเราว่าเขาเองก็ไม่ต่าง
  จากผู้หญิงคนนั้นสักเท่าไหร่ ซึ่งผู้หญิงตรงหน้าเขาดูสวยมากในชุดหรูหราแต่
  การเสพยาของเธอทำให้เธอดูราคาถูก(ดูเป็นเคอรี่)ในสายตาของเขา ) 
And so she wrote a plan for it on the back of a fag packet
แล้วเธอก็เริ่มเขียนแผนที่ลงบนด้านหลังของซองบุหรี่
( เธอเขียนเส้นทางของสถานที่แห่งหนึ่งเอาไว้ให้แมตตี้
  ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า "มันเป็นสถานที่หนึ่งในปารีส
  ที่เธอได้เขียนเอาไว้ให้ผมที่ด้านหลังของซองบุหรี่"
  สถานที่นี้น่าจะเป็นแหล่งสำหรับซื้อขายโคเคนค่ะ ) 
She had to leave because she couldn't hack it
เธอต้องรีบไปเพราะเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
Not enough noise and too much racket
เสียงรอบข้างแม่งดังจนน่ารำคาญไปหมด
( อันที่จริงแล้วคำว่า too much racket คือการที่คุณส่งเสียงหรือทำเสียงดังจนน่ารำคาญ
  แต่แมตตี้ใช้คำว่า Racket แทนการใช้โคเคนค่ะ เพราะเธอกดความรู้สึกในการอยากเสพโคเคนไม่ได้
  เธอจึงต้องรีบไปยังสถานที่แห่งนั้น*ที่เขียนแผนที่ให้เขา* อีกนัยหนึ่งที่แมตตี้ต้องการจะสื่อคือ
  แมตตี้เคยให้สัมภาษณ์กับ NME ว่าชาวอเมริกันเข้าใจผิดเรื่องเพลงของเขาเป็นอย่างมาก
  เพราะ “Not enough noise and too much racket” เขากำลังสื่อถึงการใช้ยาเสพติดต่างหาก 
  ซึ่งเพลงนี้ยังสามารถโยงไปยังเพลง "She's American" ได้ด้วยเพราะเพลงนั้นก็คือผู้หญฺิง
  คนเดียวกันกับเพลงนี้ค่ะ ) 
"I think I've spent all my money and your friends"
"ผมคิดว่าผมจ่ายเงินให้เพื่อนๆของคุณไปหมดแล้วนะ"
( ในปารีสโคเคนแพงมากค่ะ ไลน์นี้แมตตี้กำลังจะบอกว่า
  เขาต้องทุ่มเงินทั้งหมดเพื่อให้ได้โคเคนนั้นมาครอบครอง
  รวมถึงต้องจ่ายให้ผู้หญิงคนนั้นและเพื่อนของเธอด้วย ) 



Oh, how I'd love to go to Paris again
โอ้ ผมล่ะอยากจะไปปารีสอีกจังเลย
Oh, how I'd love to go to Paris again
โอ้ ผมอยากกลับไปที่ปารีสอีกสักครั้ง
( แมตตี้เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า "ปารีส เป็นสถานที่โรแมนติกที่เขาฝันเอาไว้ว่า
  อยากไปที่นั่นกับแฟนสักครั้ง แต่วันนั้นก็ไม่เคยมาถึงเลย เพราะพวกเขามักจะจบ
  ความสัมพันธ์นั้นลงไปก่อนแล้ว สถานที่นี้จึงเป็นสถานที่ในฝันของเขานั่นเอง" 
  แต่ปารีสในเพลงเป็นอีกความหมายหนึ่ง นั่นก็คือแมตตี้อยากจะกลับไปเสพโคเคนอีกครั้ง 



Mr. Serotonin Man, lend me a gram
Mr. Serotonin Man ผมขอเพิ่มอีกสักกรัมนะ
You call yourself a friend?
ถ้าไม่ได้เราก็ไม่ใช่เพื่อนกัน
( การแนะนำเพื่อนของวงการคนเสพโคเคนก็คือเราจะยื่นโคเคน 1 กรัม
  ให้กับเพื่อนใหม่คนนั้น Serotonin คือสารชนิดหนึ่งของยาอี แมตตี้จึงเรียกเพื่อนใหม่คนนั้นว่า
  Mr.Serotonin เพราะในมือของชายคนนั้นมีโคเคนที่ทำให้เขารู้สึกดีอยู่ 
I got two left feet and I'm starting to cheat
ผมมันเป็นพวกโลเลก็เลยเริ่มนอกใจ
On my girlfriend again
แฟนของตัวเองอีกครั้งแล้ว
( คำว่า left เป็นคำที่เพี๊ยนมาจากคำว่า lyft ซึ่งเป็นภาษาเก่าหมายถึง อ่อนแอ,ปวกเปียก
  ไม่ได้มาจากรากเดียวกับ left ที่เป็นรูปอดีตของ leave ปัจจุบัน left ไม่ได้มีความหมายในเชิงลบแล้ว
  แต่ก็ยังไปโผล่ในสำนวนที่มีความหมายไม่ค่อยดีอยู่ เช่น have two left feet คือคำที่
  เอาไว้ด่าพวกไม่เอาอ่าว โลเล ปวกเปียก ในไลน์นี้ความหมายจึงแปลว่า แมตตี้(ในเพลง robber)
  เป็นพวกโลเล ไร้ประโยชน์ ไม่พอใจสิ่งที่ตัวเองมีก็เลยเริ่มนอกใจแฟนที่ลำบากมาด้วยกันอีกครั้ง 
I caught her picking her nose
ผมแอบจับได้นะว่าเธอกำลังจับจมูกตัวเอง
( ไลน์นี้ยังคงวนอยู่ในเพลง Robber นะคะ แมตตี้แอบจับได้ว่าแฟนสาวที่เขาแอบนอกใจ
  เธอสัญญากับเขาแล้วว่าจะเลิกเสพโคเคน แต่พอเห็นท่าทางการสูดจมูกของเธอแล้ว
  ทำให้แมตตี้มั่นใจได้ว่าเธอยังไม่เลิกเสพแน่นอน ซึ่งในไลน์นี้แมตตี้นำมาเปรียบเทียบกับไลน์ก่อนหน้า
  เพราะเขาโกหกและนอกใจเธอ แฟนของแมตตี้เลยเอาคืนในการโกหกเรื่องเลิกโคเคนบ้างค่ะ ) 
As the crowd cheered for an overdose
กลุ่มคนตรงหน้ากลับบอกให้เสพมันเข้าไปอีก
( ไลน์นี้น่าจะพูดถึงโชว์ของ THE 1975 ในปี 2014 ค่ะ ซึ่งเป็นช่วงที่แมตตี้ดื่มหนักมากตอนโชว์บนเวที 
And I don't suppose you know where this train goes
เดาได้เลยว่าคุณน่ะไม่รู้หรอกว่ารถไฟขบวนนี้มันจะไปจบที่ตรงไหน
( แมตตี้ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าการติดยาเสพติดมานานมันจะทำให้ร่างกายของเขาย่ำแย่ขนาดไหน
  โดยเขาใช้การเดินทางที่ไม่รู้จุดหมายของรถไฟเป็นอุปมาการติดยาเสพติดของตัวเอง 
  ซึ่งความหมายแฝงของไลน์นี้ก็คือการขอความช่วยเหลือจากใครสักคน ที่จะดึงเขาให้พ้น
  จากขุมนรกของยาเสพติดที่แมตตี้ไม่สามารถออกไปด้วยตัวเองได้ ) 
There was a party that she had to miss
ปาร์ตี้นี้รู้สึกว่าเธอจะพลาดไปหน่อยนะ
Because her friend kept cutting her wrists
เพราะเพื่อนของเธอน่ะจะฆ่าตัวตายอีกแล้ว
( เพราะเพื่อนของผู้หญิงที่เป็นตัวเอกของเพลงกำลังจะฆ่าตัวตาย
  เธอเลยต้องพลาดปาร์ตี้โคเคนที่พวกเขาจัดขึ้นมา 
Hyper-politicized sexual trysts
ปาร์ตี้ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซ็กซ์
politicize - การเมือง แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึงคำว่านอกจากปาร์ตี้เซ็กซ์แล้ว
  พวกเขายังมีโคเคนให้เสพแบบไม่อั้นอีกด้วย 
"Oh, I think my boyfriend's a nihilist"
"โอ้ แฟนของฉันแม่งอันตรายชิบหายเลย"
( แฟนของแมตตี้เริ่มกลัวเขาแล้ว เพราะฤทธิ์ของยาเสพติดทำให้เขากลายเป็นพวกไม่มีเหตุผล
  อารมณ์ฉุนเฉียวและโมโหร้ายง่ายมากๆ ความกลัวเริ่มครอบงำเธอ ทำให้เธอต้องพึ่งยาเสพติด
  เพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ) 
I said, "Hey kids, we're all just the same
What a shame"
ผมก็เลยบอกว่า "ยัยบ้านี่ เราสองคนแม่งก็หมือนกันนั่นแหละ
จะอะไรกันนักกันหนาวะ"
( แมตตี้ยกให้ไลน์นี้เป็นไลน์โปรดในเพลงนี้ของเขาเลย เพราะถึงแม้ปากของเราจะพูดว่าต่างกันยังไง
  แต่พวกเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันเดินอยู่บนดินเหมือนกัน ) 


And oh, how I'd love to go to Paris again
โอ้ ผมล่ะอยากจะไปปารีสอีกจังเลย
And how I'd love to go to Paris again
ผมอยากกลับไปที่ปารีสอีกสักครั้งจริงๆ
( ปารีสในไลน์นี้ไม่ได้หมายถึงปารีสในฝันของแมตตี้กับแฟนอีกแล้ว
  แต่เป็นปารีสสถานที่ที่เต็มไปด้วยโคเคนที่แมตตี้ใฝ่ฝันถึง 


"Oh stop being an arsehole and counting my eye rolls"
"พอเถอะ หยุดทำตัวงี่เง่าแบบนี้สักที ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ"
( arsehole/asshole - พวกคนที่ชอบทำตัวงี่เง่า เพราะเธอนิสัยเหมือนกับเขามากเกินไป
 เลยทำให้แมตตี้เริ่มจะทนกับพฤติกรรมของเธอไม่ไหวแล้ว ) 
"They're like piss holes in the snow" - uh oh
"อุ๊ย ตรงนั้นเหมือนหลุมฉี่บนหิมะเลยเนอะ"
( piss holes in the snow เป็นศัพท์แสลงค่ะแปลว่า เป็นอาการของคนเมาค้างจนตากลอกกลับไปกลับมาค่ะ
  ไลน์นี้แมตตี้น่าจะสื่อถึงคำพูดของบุคคลที่สามซึ่งกำลังมองพวกเขาสองคนที่เมาโคเคนแล้วทะเลากันอยู่ )
Keeping a tab on my health
เรื่องสุขภาพน่ะช่างมันก่อนก็แล้วกัน
( เป็นการเล่นคำของฝ่ายหญิงค่ะ เธอรู้ว่าแมตตี้กำลังติดยาอะไรอยู่บ้าง
  เลยใช้ยาพวกนั้นเป็นตัวคอยควบคุมแมตตี้ให้อยู่ในโอวาทของตัวเองค่ะ )
Man you're putting me up on a shelf
นี่นายกล้าเมินฉันขนาดนี้เลยหรอ
( เพราะเธอคอยควบคุมเขาและทำตัวเหมือนแม่คอยปกป้องเขาจากโลกภายนอก
  ยกให้เขาขึ้นไปอยู่บนจุดที่สูงๆซึ่งมันทำให้แมตตี้รู้สึกยิ่งไร้ค่ามากกว่าเดิม เขาก็เลยเมินเธอไป )
"Well I'll believe you're clean
But only by seeing your face for myself"
"เอาล่ะ ฉันจะเชื่อก็ได้ว่านายเลิกยาแล้ว
แต่ต้องให้ฉันไ้เจอหน้าของนายก่อนก็แล้วกัน"
( เพราะเขาไม่อยากให้เธอคอยควบคุมอีกแล้ว ก็เลยบอกไปว่าเลิกยาแบบหายขาดแล้ว
  เธอทำท่าเหมือนจะเชื่อแต่ก็ไม่ เธอเลยขอเจอหน้าของแมตตี้ก่อนเพื่อที่จะเช็คว่า
  เขาเลิกยาทั้งหมดแล้วจริงๆ )
And then she pointed at the bag of her dreams
แล้วเธอก็ชี้ไปที่กระเป๋าในฝัน
In a well posh magazine
ที่อยู่ในนิตยาสารสุดหรู
( ไลน์นี้แมตตี้กำลังจะสื่อว่า อันที่จริงแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นห่วงตัวของเขาเลย
  เธอเป็นห่วงเงินต่างหาก เพราะถ้าหากว่าเขาไม่หยุดยา เขาก็จะไม่มีเงินพอที่จะ
  มาซื้อกระเป๋าสุดหรูใบนั้นให้เธอ เพราะถ้าเธอห่วงเขาจริงเธอจะไม่ชี้ไปที่กระเป๋าใบนั้นอย่างแน่นอน )
I said "I'm done, babe. I'm out of the scene,"
ผมเลยบอกว่า "ผมเลิกแล้วจริงๆที่รัก ไม่ขอกลับไปยุ่งกับพวกมันอีกแล้ว"
But I was picking up on Bethnal Green
แต่ผมก็เพิ่งจะไปรับยาที่ Bethnal Green มาอ่ะนะ
( เขาบอกเธอว่าผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเลิกยามาแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆเขาเพิ่งจะไปรับยามาจาก
  เพื่อนที่รู้จักกันในย่าน Soho อารมณ์ประมาณว่า แฟนของแมตตี้ให้ความสำคัญกับกระเป๋าสุดหรูมากกว่า
  ชีวิตของเขาทำไมเขาจะต้องสนใจเธอกับกระเป่าใบนั้นด้วยล่ะ เขาสนใจสิ่งที่ให้ความสุขกับตัวเขาจริงๆ
  ไม่ดีกว่าหรอ สิ่งที่ว่านั้นก็คือโคเคนนั่นเองค่ะ )
She said I've been romanticizing heroin
เธอบอกว่าผมน่ะเป็นนักเสพเฮโรอีนที่โรแมนติกที่สุดเลย


And oh how I’d love to go to Paris, to Paris again
And how I’d love to go to Paris again
And how I’d love to go to Paris again
And how I’d love to go to Paris again
โอ้ ผมล่ะอยากจะกลับไปที่ปารีสอีกสักครั้งจังเลย
( เพราะเขาใส่แว่นสีชาบวกกับเสพเฮโรอีนเข้าไปอีก ฤทธิ์ของยาเสพติดทำให้เขาเคลิ้มและทำดีกับเธอ
  ช่วงเวลาที่เรียบง่ายและสงบสุข ไม่ต้องคิดอะไร แค่ปล่อยตัวไปกับฤทธิ์ของยา
 เป็นช่วงที่เขามีความสุขมากที่สุดแล้ว )

Lyrics source : The 1975 - Paris