วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[แปลเพลง] The 1975 - Nana












Transbymatt – เพลงนี้เกี่ยวกับยายของแมตตี้ที่จากไปด้วยโรคมะเร็งในวัย 72 ปี












I wish you'd walk in again
ผมแค่หวังว่าคุณจะเดินเข้ามาหาอีกครั้ง
Imagine if you just did
ก็ได้แต่นั่งคิดไปแบบนั้น
I'd fill you in on the things you missed
ผมเติมเต็มส่วนที่คุณขาดให้ได้นะ
( ในสมัยที่ยายของแมตตี้ยังมีชีวิตอยู่ทั้งสองคนสนิทกันมาก
เมื่อยายของเขาจากไปแล้ว วันทั้งวันแมตตี้ก็ได้แต่นั่งภาวนา
ขอให้เธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่เขาจะได้เล่าเรื่องราวต่างๆในช่วงเวลา
ที่เธอหายไปให้ฟัง )
Oh sleepless Knights, a grown up man dressed in white
โอ้ อัศวินผู้ไม่เคยหลับใหล ชายผู้ยิ่งใหญ่ในชุดสีขาว
Who I thought might just save your life
คนที่ผมคิดว่าจะรักษาชีวิตของคุณเอาไว้ได้
But he couldn't, so you died
แต่เขาทำไม่ได้ คุณก็เลยตาย
(Sleepless Knights เป็นการเล่นคำในที่นี้หมายถึง หมอ,พยาบาล ที่กำลังช่วยชีวิตยายของเขาอยู่
ความหมายโดยรวมของท่อนนี้คือ แมตตี้หันหน้าเข้าหาศาสนาอีกครั้งและสวดภาวนา ขอให้ Man dressed in white #หมอ ช่วยชีวิตยายให้ได้แต่ก็ไม่ได้ผล)





I don't like it, now you're dead
ผมไม่ชอบเลยที่ตอนนี้คุณจากไปแล้ว
It's not the same when I scratch my own head
แม้กระทั่งตอนผมเกาหัวตัวเองมันก็ยังไม่เหมือนเดิม
I haven't got the nails for it
เพราะผมไม่มีเล็บพอที่จะเกามัน
(ความหมายที่แท้จริงก็คือ I haven't got the nails for it
(แมตตี้ตัดเล็บจนสั้นกุด)เป็นเพราะในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ยายกับเขาสนิทกันมาก
การจากไปที่ไม่มีวันกลับมาในครั้งนี้เลยมีผลกระทบกับแมตตี้มากที่สุด
ส่วนความหมายในเชิงเปรียบเทียบ แมตตี้พยายามจะสื่อถึงความสำคัญกับความสนิทสนมของเขากับยาย
เปรียบเธอเป็นเหมือนรอยเกาบนหนังหัวของเขา ที่คอยให้คำปรึกษาในเชิงบวกเพื่อให้เขาพัฒนาตัวเอง ซึ่งเธอคือสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งในชีวิตของเขา I haven’t got the nails for it(ไม่มียายมาคอยสั่งสอน น่าจะอารมณ์ประมาณคอยชี้นิ้วสั่งสอน) แม้บางครั้งคำแนะนำนั้นจะจี้ใจดำและทำให้เขาเจ็บปวดไม่น้อย แต่ในที่สุดแมตตี้ก็รู้ว่าทั้งหมดที่ยายทำไปนั้นล้วนแต่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใย)
And I know that God doesn't exist
ผมรู้ว่าพระเจ้าไม่มีจริงหรอก
And all the palaver surrounding it
ที่เราทำก็มีแต่พูดกับตัวเองแค่นั้น
But I like to think you hear me sometimes
แต่บางครั้งก็ยังแอบคิดว่าคุณจะได้ยินผมบ้าง
(นี่คือท่อนที่แสดงถึงความย้อนแย้งในตัวของแมตตี้ ด้านหนึ่งเขาหันหลังให้กับศาสนา รู้สึกเกลียดชังการนับถือพระเจ้าในแบบที่ไร้เหตุผลมาก ส่วนอีกด้านหนึ่งเขาก็ยังแอบคิดว่ามันก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะที่ยังสามารถเชื่อว่าคนที่เรารักยังมีความสุขในชีวิตหลังความตายอยู่)





So I reached for a borrowed fleece
ผมมาถึงที่นี่เพื่อยืมเสื้อขนแกะเลยนะ
(การตายของยายส่งผลกระทบกับแมตตี้อย่างมาก เขารู้สึกหนาวเหน็บจนกระทั่งได้มองไปยังดวงอาทิตย์[You:always trying to keep warm, even though you are the sun – Matty] ถึงแม้ว่าเขาจะรักอิสระแต่เขาก็ยังต้องการที่จะสนับสนุนครอบครัวของตัวเอง สื่อให้เห็นในท่อนนี้กับคำว่า ยืมขนแกะ)
From my dad or from Denise
จากพ่อของผมหรือจากเดนิส
(ถึงแม้ท่อนนี้จะเป็นท่อนเดียวสั้นๆ แต่ต้องถอดความแยกเนื่องจากพ่อแม่ของแมตตี้แยกทางกันแล้วนั่นเอง ในส่วนของพ่อไม่มีการบอกอะไรมาก จะไปเยอะในคำว่า Denise[เดนิส] นั่นก็คือแม่ของเขานั่นเอง Denise Welch เป็น Celebrity ที่ดังมากๆใน UK ซึ่งในท่อนนี้เขากล่าวถึงแม่ของเขาสั้นๆด้วยการเรียกชื่อ Denise แต่เหตุผลหลักที่แยกคำว่าเดนิสออกมาก็คือ คุณยายที่เสียชีวิตไปซึ่งเป็นคนเรียกแม่ของเขาว่าเดนิส ยายผู้ที่อดทนกับโรคมะเร็งมานานหลายปีและเสียชีวิตลงในวันเกิดปีหนึ่งของแม่เขา)
Always trying to keep warm, when you're the sun
ต้องทำตัวให้อุ่นเสมอเมื่อคุณกลายเป็นดวงอาทิตย์แล้ว
(ในท่อนที่แล้วแมตตี้พูดถึงการยืมเสื้อขนแกะจากพ่อหรือแม่ของเขา และท่อนนี้เป็นการอ้างอิงจากทวิตของเขาในปี 2015 ประมาณว่าถึงแม้เขาจะเห็นยายเป็นดวงอาทิตย์แต่เธอก็ยังพยายามให้ความอบอุ่นกับตัวเองเพื่อรักษาอายุและอาการเจ็บป่วยให้ดีขึ้น)





I sat with you beside your bed and cried
ผมนั่งคร่ำครวญอยู่ข้างเตียงของคุณ
For things that I wish I'd said
ร่ำร้องขอโอกาสและความหวังอีกครั้ง
(แมตตี้นั่งอยู่ข้างเตียงของยาย คร่ำครวญสิ่งที่อยากจะบอกกับเธอทั้งหมดที่ไม่มีโอกาสได้บอกตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่)
You still had your nails red
เล็บของคุณยังคงเป็นสีแดง
And if I live past 72, I hope I'm half as cool as you
และถ้าหากว่าผมอายุ72ปี ก็หวังว่าจะเท่ห์ได้ถึงครึ่งหนึ่งของคุณบ้าง
(ยายของแมตตี้ตายตอนอายุ 72 ปี เขาเองก็หวังว่าจะมีชีวิตยืนยาวแบบยายของเขาบ้าง การมีอายุถึง 72 ปีอาจจะอ้างอิงถึง ‘Forever 27 club’ กลุ่มคนดังที่ตายตอนอายุ 27 ก็มี Kurt Cobian, Jim Morrison, Janis Joplin, Amy Winehouse และอีกมากมาย ซึ่งอายุปัจจุบันของแมตตี้ตอนนี้คือ 27 ปี มีโอกาสที่เขาอาจจะหมายถึงการโชว์ความเคารพของเขาที่มีต่อยาย)





I got my pen and thought that I'd write
ผมถือปากกาและครุ่นคิดว่าจะเขียนอะไร
A melody and line for you tonight
เมโลดี้พร้อมเนื้อเพลงสักท่อนเพื่อคุณในคืนนี้
I think that's how I make things feel alright
หวังว่ามันคงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างนะ
(สำหรับแมตตี้การแต่งเพลงเหมือนการชำระล้างอารมณ์หรืออะไรต่างๆให้หายไป อีกทั้งยังเป็นการให้เกีรยติยายของเขาด้วย ซึ่งเพลงที่เขาเขียนถึงยายก่อนหน้านี้ก็คือ ‘HNSCC’ ซึ่งช่วยให้เขาดีขึ้นในระยะหนึ่งเมื่อเธอตายไป)





Made in my room, this simple tune
ทำเพลงในห้องตัวเอง ท่วงทำนองง่ายๆ
Will always keep me close to you
ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณยังอยู่ใกล้ๆ
(แมตตี้แต่งเพลงนี้ในห้องนอนของตัวเองไม่ใช่ที่สตูดิโอเหมือนอย่างเคยและไม่มีใครร่วมแต่งด้วย นี่คือเพลงส่วนตัวของเขาเพื่อเป็นที่ระลึกถึงยาย ซึ่งเขาจะเก็บความทรงจำเมื่อครั้งเธอยังมีชีวิตอยู่ตลอดไป)
The crowds will sing their voices ring
กลุ่มคนขับร้องท่วงทำนองให้ดังขึ้น
And it's like you never left
มันเหมือนว่าคุณไม่เคยจากไปเลย
(เมื่อไหร่ที่เขา Live เพลงนี้ ท่ามกลางแฟนเพลงที่ช่วยกันร้อง ณ จุดหนึ่งภาพลวงตาของเขาก็เกิดขึ้น เธอยังคงมีชีวิตอยู่และยืนมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม)





But I'm bereft you see
แต่ผมเสียคุณไปแล้ว
I think you can tell
ผมคิดว่าคุณจะกลับมา
I haven't been doing too well
แล้วบอกว่าผมทำได้ไม่ดีเลย
(ถึงแม้ว่าแมตตี้จะวางมาดไม่ค่อยแสดงท่าทางอะไรมากมาย แต่พวกเราก็สามารถสังเกตุได้ว่าเขาผ่านเหตุการที่สูญเสียยายไปได้ยากมาก เขาแสดงให้เห็นว่า ยายสามารถมองเห็นและรับรู้ว่าเขากลายเป็นคนที่สูญเสียทุกอย่างไปแล้ว ที่น่าสนใจของ3บรรทัดสุดท้ายนี้ก็คือ ช่วงที่ใกล้จะร้องจบแมตตี้เกิดสะอื้นขึ้นมา โปรดิวซ์เซอร์อย่าง Mike Crossey แนะนำให้เขาอัดเพลง ‘She lays down’ และในที่สุดก็กลายมาเป็น album version)



Lyrics source : The 1975 - Nana