วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[แปลเพลง] The 1975 - A Change Of Heart




เกี่ยวกับเพลง "A Change Of Heart" เป็นเพลงเกี่ยวกับอาการของการเลิกตกหลุมรักใครบางคน เมื่ออาการนี้จางหายไปเราก็จะได้เห็นตัวตนของคนนั้นที่ต่างจากความคิดของเราไปเลย เพลงนี้เปิดตัวเมื่อวันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 ใน "Annie Mac's Hottest Record" ของ BBC Radio 1 จอร์จ มือกลองให้นิยามของเพลงนี้ไว้ว่า "เป็นการเล่าเรื่อง" "เป็นเพลงธรรมดาเพลงหนึ่ง" ส่วนแมทตี้อธิบายว่าเป็น "pure ballad":

"มันเป็นเพลงธรรมดาเพลงหนึ่งที่เป็นความจริง เราอยากให้มันมีความจริงจัง ซึ่งมันผิดวิสัยเพลงของ "1975" เต็มไปด้วยอารมณ์อ่อนไหว รู้ถึงตัวตนของตัวเอง และ สวยงาม นั่นเป็นเพลงที่เราทำขึ้นมา"
เพลงนี้เอาแนวคิดจากสามเพลงเก่าของ The 1975 ในปีที่แล้วมา "The City" "Robber" "Sex" เนื้อเพลงอย่างเป็นทางการได้รับการยืนยันจากทวิตเตอร์ของวงแล้ว










Are we awake?
Am I too old to be this stoned? (1)
Was it your breasts from the start?
They played a part (2)

ตื่นได้หรือยัง?
ผมแก่เกินกว่าจะเป็นไอ้ขี้เมานั่นแล้วใช่ไหม?
ตอนแรกหน้าอกคุณเป็นแบบไหนนะ?
พวกเขากำลังเล่นกัน



For goodness sake
I wasn't told you'd be this cold
Now it's my time to depart (3)
And I just had a change of heart (4)

ให้ตายเถอะ
ผมไม่ได้บอกให้คุณเย็นชาขนาดนี้
ตอนนี้คงได้เวลาออกเดินทาง
และผมเองก็เปลี่ยนใจไปแล้ว



I'll quote "on the road" like a twat
And wind my way out of the city
Finding a girl who is equally pretty won't be hard (5)
Oh, I just had a change of heart (4)

ผมจะ "ออกเดินทาง" เหมือนพวกงี่เง่า 
และลมนำพาให้ผมออกจากเมืองนี้ไป
การหาผู้หญิงสวยๆแบบนี้มันไม่ยากหรอก
เพราะผมเปลี่ยนใจตัวเองไปแล้วไง



[Instrumental Interlude]



You smashed a glass into pieces
That's around the time I left
And you were coming across as clever
Then you lit the wrong end of your cigarette (6)

คุณทำกระจกพวกนั้นแตกซะแล้ว
คงถึงเวลาที่ผมต้องไปสักที
คุณน่ะฉลาดมากเลยนะ
แต่ก็ยังจุดบุหรี่ของตัวเองพลาด



You said I'm full of diseases
Your eyes were full of regret (7)
And then you took a picture of your salad
And put it on the Internet (8)

คุณบอกว่าผมมันตัวแพร่เชื้อ
แต่แววตาของคุณกลับมีแต่ความเศร้า
แล้วก็หันไปถ่ายรูปสลัดของตัวเอง
ก่อนจะอัพพวกมันลงอินเตอร์เน็ต



And she said, "I've been so worried about you lately
You look shit and smell a bit"
You're mad thinking you could ever save me
Not looking like that (9)
และเธอก็บอกว่า "หลังๆมานี่ฉันกังวลเรื่องนายมากเลยนะ
นายสภาพโคตรแย่แถมตัวก็เหม็น"
คุณมันบ้า คิดว่าจะรักษาผมเอาไว้ได้งั้นหรอ
แต่มันไม่ใช่แบบนั้น



You used to have a face straight out of a magazine
Now you just look like anyone (10)

I just had a change of heart (4)
คุณเคยมีใบหน้าเหมือนกับหลุดออกมาจากแม็กกาซีน
แต่ตอนนี้คุณดูเหมือนทุกคนไปแล้ว
เพราะแค่ผมเปลี่ยนใจของตัวเอง



I feel as though I was deceived
I never found love in the city
I just sat in self-pity and cried in the car
(11)
Oh I just had a change of heart(4)

ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนหลอก
ผมไม่เคยเจอรักแท้ในเมืองนี้เลย
ผมได้แต่นั่งร้องไห้ สมเพชตัวเองอยู่ในรถ
ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว



Then she said, "I've been so worried 'bout you lately
You were fit but you're losing it
You played a part, 'this is how it starts'"
(12)
Oh I just had a change of heart (4)

จากนั้นเธอก็พูดว่า “หลังๆมานี่ฉันกังวลเรื่องนายมากเลยนะ
นายเริ่มดูดีแต่ก็หลับทำมันพัง
มันเป็นส่วนหนึ่งของนายไปแล้ว นี่ไงจุดเริ่มต้น”
ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจไปแล้วล่ะ



I just had a change of heart
I just had a change of heart
I just had a change of heart
Oh I just had a change of heart
I just had a change of heart
I just had a change of heart
I just had a change of heart
I just had a change of heart (4)

ผมแค่เปลี่ยนใจแล้ว
ฉันเองก็เปลี่ยนใจเหมือนกัน
พวกเราเปลี่ยนใจไปแล้ว
โอ้ เราต่างก็เปลี่ยนใจตัวเอง
ผมแค่เปลี่ยนใจแล้ว
ฉันเองก็เปลี่ยนใจเหมือนกัน
พวกเราเปลี่ยนใจไปแล้ว
โอ้ เราต่างก็เปลี่ยนใจตัวเอง


*ถอดความ*




(1) ในตอนที่แมตตี้อายุ 26 ปี เขาได้ผ่านช่วงชีวิตวัยเด็กและโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง ยังสนุกกับการเสพกัญชาและเขียนเพลง Chocolate ไปด้วย จนกระทั่งวงของเขาเป็นที่พูดถึงในเรื่องของยาเสพติดและมีคำถามเกิดขึ้นว่าพวกเขาจะเติบโตไปได้ยังไง การเสพจะเลิกยากและต้องเมาหนักตลอดเวลา เพราะแมตตี้โตและสังคมเริ่มตัดสินว่าเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทำให้เขาต้องเลิกกัญชาให้ได้
(2) สิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขามาจากรูปลักษณ์ภายนอก สัดส่วนของร่างกายเธอทำให้เขาอยากอยู่กับเธอ แต่ตอนนี้เขามองเธอไม่เหมือนเดิมแล้วเพราะหัวใจของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ทำให้เขาคิดว่าความงามที่มาจากภายในของเธอนั้นดีที่สุด
(3) ในเพลง 'Settle Down' ของ The 1975 เมื่อปี 2013 ทำให้เราเห็นว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แมทตี้เจอกับคู่รักที่เย็นชา 'You cold and I burn, I guess I'll never learn' และในเพลง 'Girls' ด้วย 'She's so southern so she feels the cold' เพราะใจของเขาเปลี่ยนไปเลยทำให้ได้รับรู้ถึงตัวตนที่เย็นชาของเธอที่เมื่อก่อนเขามองข้ามไป เขาเลยใช้สัญญาณและความรู้สึกนี้ที่จะปิดความสัมพันธ์ลงและตัดสินใจว่าถอยออกมาคงดีที่สุด
(4) 'A Change Of Heart' คือการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติให้ไม่ตรงกัน เนื้อเพลงได้แสดงให้เห็นว่า แมตตี้เริ่มสังเกตุข้อบกพร่องในตัวคู่รักของเขา ไม่มีการปราณีและเชื่อว่าเธอคือหนึ่งในคนที่หลงเข้ามาในเส้นทางของเขา กลายเป็นว่าเรื่องพวกนี้ทำให้เขามองเธอในแง่ลบไปเลย มื่อประโยคนี้เป็นท่อนที่ซ้ำเกือบทุกท่อนในเพลง ซึ่งแมตตี้ได้ระบุไว้ก่อนหน้านั้นแล้วในเพลง 'Me' 'Robber' และ 'Sex' นัยยะที่แฝงจากทั้งสามเพลงกล่าวถึงเพลงนี้ด้วย เธอไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการและเขากำลังรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอกใช้  ในเอมวีนี้เป็นอีกมุมมองหนึ่ง แมตตี้รับบทเป็นตัวตลกและชอบเล่นแผลงๆกับคู่รักของเขา อาจทำให้บุคคลที่สามมองว่าเขาเป็น 'Bad Guy' หรืออาจจะเป็นการอ้างถึง 'Joker' จาก The Dark Night ด้วย
(5) แมตตี้ต้องการไปจากเมืองที่รัก อาจจะหมายถึงบ้านเกิดของเขา การที่เมืองใหม่มีผู้หญิงสวยๆช่วยดึงดูดเขาไปได้ไม่ยาก 'David Templeton' ผู้ที่อนุญาตให้แมตตี้นำเรื่องราว 'On The Road' ของ Jack Kerouac ได้ ที่มาของชื่อวง The 1975 ได้รับแรงบัลดาลใจมาจากวันที่ระบุอยู่ปกด้านหลังของ Kerouac '1 June, The 1975'
(6) แก้วที่แตกเป็นเสี่ยงอาจหมายถึง อาการเมามาย และ การแข็งข้อ นั่นหมายถึงแมตตี้มองผู้หญิงของเขาเป็นผื่นหรือโรคร้ายไปแล้วเพราะว่าพฤติกรรมของเธอมันทำให้แมตตี้เริ่มอึดอัดหรือบางทีมันอาจจะมากเกินไปสำหรับเขา เพราะผู้หญิงที่ดีจะต้องอยู่แบบเงียบๆ ควบคู่ไปกับการที่เธอจุดไฟบุหรี่ของตัวเองไม่ได้ เมื่อสังเกตุจากพฤติกรรมการสูบของแมตตี้มันอาจจะเป็นการประชดประชันที่น่าอายอยู่พอสมควร เหตุการที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอที่มีต่อแมตตี้ถูกทำลายลง ก่อนหน้านี้เขาเห็นว่าเธอทั้งน่ารักและฉลาดเป็นเพราะการกระทำของเธอทำให้เขาตาสว่าง เนื้อเพลงยังสามารถบอกความจริงของเธอและด้านที่เธอแสดงออกรวมถึงตัวตนจริงๆ ผู้หญิงที่เขาเชื่อว่าฉลาดและวางตัวดีแต่ในความจริงแล้วก็แค่ผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเลยแถมยังหยิ่งอีกและแมตตี้เองก็รู้ซึ้งแล้ว

(7) ตอนที่กำลังทะเลาะกันเธอพยายามจะดูถูกแมตตี้และด่าเขาว่าเป็นพวกตัวแพร่เชื้อ (STD - กามโรค) ด่ายันอดีตว่าเขาเคยสำส่อนขนาดไหน ซึ่งแมตตี้เองก็รู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว สังเกตุได้จากเพลง 'Sex' เธอใช้เรื่องนี้มาเป็นหัวข้อทะเลาะและระเบิดอารมณ์ความเสียใจออกมา
(7.1) อีกความหมายหนึ่ง เธอกำลังดึงปีศาจที่อยู่ภายในร่ายกายของเขาออกมา ด้วยการตอกย้ำปัญหาและอดีตที่ไม่น่าจดจำของเขา อย่างเรื่องติดยาเสพติดแล้วก็อารมณ์ที่รุนแรง
ยังไงก็ตาม เพราะเธอเป็นคนหยิ่งยโส จึงไม่เคยมีคำขอโทษออกมาจากปากของเธอทุกครั้งที่สบถคำพวกนั้นออกมา ทำให้ความสัมพันธ์ที่มันล้มเหลวอยู่แล้วเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม

(8) เธอกล้าสบตาเขาเพราะว่าคำพูดที่เธอเคยดูถูกเขาเอาไว้ และพยายามหลีกเลี่ยงเขาก็เลยก้มลงถ่ายภาพอาหารของตัวเองและโพสมันลงโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คแทน อย่างในเพลง 'Love Me' ที่แมตตี้ไม่ชอบอาการแบบนี้เอาซะเลย เนื้อเพลงนี้ยังเป็นตัวกระพือข่าวลือระหว่างแมตตี้กับแฟนเก่าอย่าง เจมม่า เจนส์ ด้วย เพราะตอนที่พวกเขาเลิกกัน เจมม่าได้โพสท์ภาพสลัดของเธอลงบนอินสตราแกรมส่วนตัว แมตตี้ให้สัมภาษณ์กับ ลิซ จอยซ์ ว่า "ผมยกเลิกตาราง ผมจากไปแล้ว ผมหายไป ผมคิดอะไรไม่ออกเลย นี่คือเหตุผลของรอยสักบนหน้าอกของผม-OTG Forever"
(9) ผู้บรรยายบอกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกขัดจังหวะด้วยความสะอาดขั้นพื้นฐานของแต่ละคน เพราะการทำตัวสกปรกทำให้ผู้คนรอบข้างต้องเป็นกังวล พวกเขายอมรับว่าการที่จะให้ผู้อื่นช่วยเหลือ ต้องสะท้อนความจริงใจออกมาและต้องเข้าใจเรื่องนั้นอย่างแท้จริง "Not looking like that" เขากำลังบอกว่าเธอรักษาเขาไว้ไม่ได้แล้วเพราะเขาเริ่มรู้สึกว่าเธอจุ้นจ้านมากไปแล้ว
(10) เท้าความไปถึงเพลงที่ทำชื่อเสียงให้กับวงอย่าง Robber - 'She had a face straight out a magazine. God only know but you will never leave her (หน้าของเธองดงามเหมือนหลุดออกมาจากแม็กกาซีน มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าคุณไม่มีวันทิ้งเธอไปได้)' ซึ่งก็ไปคล้ายกับเพลง She Way Out ด้วย - 'With a face from a movie scene or magazine, you know what i mean (ใบหน้าที่เหมือนหลุดออกมาจากหนังไม่ก็แม็กกาซีน คุณก็รู้ว่าผมหมายถึงอะไร)' จากมุมมองของแมตตี้ เธอสวยเหมือนโมเดลที่อยู่ในแม็กกาซีน แต่พวกเขามาถึงจุดที่ความสัมพันธ์ตั้งอยู่บนความจริงแล้ว เขาเริ่มพล่ามเรื่องนิสัยโง่ๆของเธอ ด้วยคำพูดที่ไร้ความปราณี และเริ่มเสพติดโซเชี่ยล มุมมองของแมตตี้เริ่มเปลี่ยนไป หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยสวยโดดเด่นในสายตาของเขา บัดนี้กลับถูกฝูงชนกลืนหายไปแล้ว
(11) การเล่นคำจากหนึ่งในเพลงฮิตของพวกเขา City - 'Yeah you wanna find love, then you know where the city is (คุณอยากตามหารักแล้วรู้หรอว่าเมืองนั้นมันอยู่ไหน)' ความหวังที่จะตามหารักแท้ของแมตตี้ในตอนแรกโดนทำลายไปแล้ว เพราะเขาได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหัวใจ ในความเป็นจริงรักแท้ก็ยังสามารถหาได้ในเมืองอยู่ เนื้อเพลงที่เปราะบาง ความคิดที่ไหลวนไปมาเมื่อเขานั่งอยู่คนเดียว เขาเริ่มสงสารตัวเองที่คิดว่าจะตามหาคนที่แตกต่างได้จริงๆ
การใช้ 'รถ' อาจจะเพราะรถยนต์เป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและการปลดปล่อย เพลงนี้เป็นอีกระดับหนึ่งซึ่งต่างจากเสรีภาพในเพลง 'Love Me' อย่างสิ้นเชิง หัวใจของแมตตี้เปลี่ยนไปแล้วแทนที่เขาจะร้องไห้แต่เขากลับตามหารักจากสถานที่แรกในความทรงจำของตัวเองแทน
(12) ท่อนนี้เท้าความไปถึงเพลง Sex - 'And this is how it starts You take your shoes off in the back of my vans (นี่ไงจุดเริ่มต้น คุณวางรองเท้าของตัวเองบนร้องเท้าแวนส์ของผม)' การนำเนื้อเพลงเก่ามารวมคือการเพิ่มความเปลี่ยนแปลงให้เห็นชัดมากยิ่งขึ้น เนื้อเพลงเก่าคือความรู้สึกเก่าที่นำมาเทียบกับเนื้อเพลงใหม่ที่หมายถึงความรู้สึกใหม่ คนรักของแมตตี้เองก็สังเกตุเรื่องท่าทางของเขาเพราะตัวเขาเองเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของตัวใจแล้ว มันเกิดจากที่เขาเริ่มคิดได้ว่าการหารักแท้กับเธอในเมืองนี้มันเป็นไปไม่ได้